
| รหัสสินค้า | SKU-01253 |
| หมวดหมู่ | หนังจีนชุดออกใหม่ 2015 |
| ราคาปกติ | |
| ลดเหลือ | 175.00 บาท |
| สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
| สภาพ | สินค้าใหม่ |
| ลงสินค้า | 9 ม.ค. 2558 |
| อัพเดทล่าสุด | 30 มิ.ย. 2558 |
| คงเหลือ | ไม่จำกัด |
| จำนวน | 1 |
No Regrets เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นราวๆปี 1930 ในระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นเรื่องราวแฟล็ชแบ็คของ Cheng Kau Mui (เติ้งชุ่ยเหวิน) เศรษฐีนีชรา ที่ตามหากระเป๋าและจดหมายรักปลอมที่เธอเคยโยนทิ้งไว้เมื่อครั้งอดีตเพราะเหตุการณ์หนึ่ง เกามุ่ยเป็นลูกสาวคนเดียวของ Cheng Long-kwan (ลุง Elliot Ngok หรือสามีฮูหยิน 4 ในภาคแรก) เจ้าพ่อค้ายาและเจ้าของธุรกิจมืดมากมายที่ทุกคนในกวางโจวต่างรู้จักดี
ปัจจุบันคุณยายเกาใจดีท่านนี้นั้นเป็นที่รักของผู้คนมากมาย ต่างจากในอดีตที่คนรอบตัวต่างพากันเกลียดชังเธอเพราะความเจ้าเล่ห์เพทุบาย โหดเหี้ยม เลือดเย็นและไม่ไว้หน้าใคร ด้วยความชราของผู้เป็นบิดา บุตรสาวรุ่นราวคราว 30 กว่าปี (ว่ากันตามบท) อย่างเธอจึงรับหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมดแทน ท่ามกลางความอิจฉาริษยาของบรรดาญาติๆที่พร้อมจะคว่ำเธอลงตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส ซึ่งก็คือ Cheng Long-hei (เจ๊ Susan Tse ภาคแรกร้ายยังไง ภาคนี้ก็ยังงั้น) ผู้เป็นอาและน้องชายของเธอ
และพระเอกของเรา.. นายตำรวจผู้ยึดหมั่นในอุดมการณ์อย่าง Lau Sing (หลีเย่าเสียง) เขายากจน และมีน้องสาวที่สุขภาพร่างกายอ่อนแอชื่อ Lau Ching (เฉินฝ่าร่า) ต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงตัวเองและคนในครอบครัวตั้งแต่เล็กจนโต แต่ทว่าครอบครัวนี้กลับอบอุ่นรักใคร่กัี
หลิวซิง (ขออภัยหากอ่านไม่ถูก เพราะจขกท.ไม่มีความรู้ภาษาจีนเลยจ้า แต่ญี่ปุ่นมีนิดหน่อย)เป็นคนรักพวกพ้องและความยุติธรรม อีกทั้งยังรักครอบครัว และรักภรรยามาก
ทั้งเขาและเกามุ่ย จึงเกิดและเติบโตมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงราวกับอยคนละโลก หากแต่โชคชะตาฟ้าลิขิต ได้นำพาให้คนทั้งสองที่ดูราวกับเส้นขนาน ได้มาบรรจบพบกันด้วยเรื่องราวบางอย่าง ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากเรื่อง ฝิ่น นั่นเอง
แรกเริ่มเดิมทีพระนางนี้ก็ไม่ใคร่ถูกกันนักยังกับละครไทย เนื่องจากท่าทียโสโอหัง วางก้ามยิ่งใหญ่คับฟ้าของเจ้าแม่ฝิ่น ที่ช่างขวางหูขวางตาน่าหมั่นไส้สำหรับนายตำรวจผู้รักชาติบ้านเกิดเสียนี่กระไร ทำเอาพระเอกเราถึงกับหมั่นไส้ แต่ทว่าด้ายแดงผูกสัมพันธ์กันไว้ตั้งแต่เมื่อชาติที่แล้ว (จิ้นเองว่าเป็นภาค 1) ก็เหม็นหน้ากันได้ไม่นาน เพราะมีเหตุให้หลิวซิงถูกทำร้าย แล้วเจ้าแม่ฝิ่นได้ยื่นมือเข้ามาช่วย ทำให้ทั้งสองได้มีโอกาสได้รู้จักมักจี่และพูดคุยกันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก เออ.. ไม่เลวนี่หว่าผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ยังไม่ใคร่ไว้วางใจ เพราะสิ่งที่เห็น กับสิ่งที่เธอเป็นนั้นช่างสวนทาง มีบางอย่าง(โหดๆเหี้ยมๆ)ที่เธอซุกซ่อนไว้
แต่คนจริงต้องรู้สำนึก มีคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ เขาออกหน้าปกป้องเธอ และมุมานะทำงานอย่างหนักจนมีร้านอาหารเป็นของตัวเองได้สำเร็จ ความสัมพันธ์ของเขาและเจ้าแม่ฝิ่นจึงพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จากเห็นเป็นศัตรู จึงได้แปรเปลี่ยนเป็นมิตร พร้อมๆกับความระหองระแหงกับผู้เป็นภรรยา ที่แอบปันใจไปให้ชายอื่น แต่ที่น่าเจ็บใจก็คือ.. อิตาผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่ใครเล๊ย 1 ในลิสศัตรูของเจ้าแม่ฝิ่นเกามุ่ยของเราแถมยังมียศสูงกว่าพระเอกเราซะด้วย!! อยู่กันมาตั้งนานไม่น่าทำกันได้ลงคอ
ด้านสาวน้อยหลิวชิงผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ ก็มีหนุ่มน้อยผู้เป็นเพื่อนอย่าง Yeung Yeung (Raymond Wong) คอยแอบมอง แอบรักตั้งแต่ครั้งเป็นเด็ก สาวน้อยอ่อนแอผู้ร่างเริงสดใส จึงมีคนมาคอยดูแลรักษาหัวใจโดยที่เธอไม่ยักรู้ตัว เรื่องของคู่นี้เองก็ดราม่าไม่แพ้กับรุ่นใหญ่ค่ะ เรื่องนี้ฝ่าร่าเสน่ห์แรง จึงต้องทำตัวให้สวยน้อยๆเข้าไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิต
จากที่เกลียดกันจะเป็นจะตายกลับกลายเป็นมิตร ทั้งสองต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหลายๆเรื่องจนคบหากันเป็นเพื่อน พระเอกเราจึงได้รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้ว เจ้าแม่ฝิ่นผู้เลือดเย็นคนนี้นั้นเกลียดฝิ่นเข้ากระดูกดำ ทั้งสองคนจึงวางแผนทำลายโกดังฝิ่นให้ราบเป็นหน้ากลอง ความสนิทชิดเชื้อและการร่วมทุกข์ร่วมสุข (ประหนึ่งภาคแรก) ทำให้ทั้งสองมีความรู้สึกดีๆให้กัน จนเมื่อเกามุ่ยตกทุกข์ได้ยาก ที่พักถูกทิ้งระเบิด หลิวซิงจึงวิ่งฝ่ามวลชนไปพาเธอและน้องสาว(น้องเลี้ยง กึ่งๆเด็กในอุปการะ แสดงโดย Nancy Wu) มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ซึ่งทำให้ทั้งสองครอบครัวได้รู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริงของกันและกัน แรกเริ่มเดิมทีทุกคนต่างก็อกเกรงใจเกามุ่ย เห็นว่าเธอสูงส่งกว่า ร่ำรวยกว่า มีการศึกษากว่า ไม่อยากให้ตกระกำลำบาก แต่เกามุ่ยก็แสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วเธอเป็นคนสมถะมาก กินง่าย อยู่ง่าย แม้ลำบากก็ไม่บ่น และดูจะมีความสุขดีด้วยซ้ำเมื่อได้อยู่ใกล้ๆกับคนรู้ใจ โดยมีน้องฝ่าร่าคอยเฝ้ามองและเขียนบันทึกเรื่องราวความเป็นไปที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ทุกคนจึงได้เก็ตว่าอ๋อ.. ที่แท้คู่นี้เค้ามี something กันอยู่นี่เอง โดยเฉพาะน้องฝ่าร่าดูชื่นชม(ว่าที่)พี่สะใภ้คนนี้ที่สุด
ภายหลังจากความวุ่นวายจากการทิ้งระเบิด ความรักของทั้งคู่ผลิดอกออกผลโดยไม่เคยเอ่ยคำว่ารักให้กันแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่ต้นยันจบเรื่องนั่นแหละ ไม่เคยจับมือถือแขนดังเช่นคู่รักโดยทั่วไป ทั้งคู่มักจะโทรศัพท์หากัน และนัดพบกันเพื่อทานอาหารเป็้งคราว หากแต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อมหัวใจของทั้งสองเข้าหากัน และเป็นสถานที่นัดพบของทั้งสองนั่นก็คือ โบสถ์ นั่นเอง ใช่แล้ว.. คุณอ่านไม่ผิดหรอก.. แม้เบื้องหน้าจะดูโหดเหี้ยมอำมหิต เจือด้วยกิริยาเยี่ยงนักเลงชาย แต่หัวใจของเจ้าแม่ฝิ่นวัย 30 เศษผู้นี้ กลับยึดมั่นในศาสนาคริสต์อย่างเต็มเปี่ยม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่หลังการทลายโกดังฝิ่น จึงเป็นไปในฐานะของ เพื่อนแท้ทางใจ ที่ไม่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ทางร่างกายมาให้ความสุขเลยแม้แต่น้อย โรแมนติกซะ.. ส่วนโบสถ์นั้นก็ไม่ใช่อื่นไกล โบสถ์เดียวโบสถ์เดิมกับภาคแรกเป้ะ.. อะไรจะรักกันข้ามภพข้ามชาติขนาดน๊าน
ทหารญี่ปุ่นนี่จัดว่าเป็นตัวร้ายของเรื่องตัวจริงเสียงจริง บังคับข่มเหง ขู่กรรโชก เมามาย เกะกะระราน จนมิตรสหายของพระเอกเองก็เกือบเอาตัวไม่รอดเพราะโดนซ้อม โดนกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้องฝ่าร่าก็เกือบไม่ได้แต่งกับชายที่รักเสียแล้ว แต่โชคยังดีที่รอดมาได้หวุดหวิด หนักที่สุดคงไม่พ้นคู่พระนาง เพื่อแสดงให้ฝ่ายญี่ปุ่นเชื่อใจ เจ้าแม่ฝิ่นผู้เกลียดฝิ่นเข้ากระดูกดำอย่างเกามุ่ย จึงกลายเป็นคนติดฝิ่นจนแทบลงแดงตายอยู่พักหนึ่ง ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อรักษาชีวิตเด็กกำพร้าที่เกามุ่ยช่วยเหลืออยู่ให้รอดตายนั่นเองค่ะ นี่คือเป้าหมายหลักของเกามุ่ยเลย และด้วยอานุภาพของความรักจึงสามารถเลิกได้ และเอาคืนนายทหารญี่ปุ่นที่เคยข่มเหงเธอกับพ่อ และทำร้าย Tong Kat (Ngo Ka-Nin คุณชายใหญ่บ้านสกุลเจียงในภาคแรก แต่ภาคนี้เป็นคนดีนะจ้ะ ถึงจะขี้ขลาดไปบ้างในบางครั้ง) จนปางตายได้สำเร็จ ซึ่งฉากในตอนที่ 19-20 นี้เป็นตอนที่จขกท.ประทับใจมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งฉากที่พระเอกคอยห้ามนางเอกไม่ให้กลับไปสูบฝิ่น ฉากลงแดงจนอ้วกแตกในโบสถ์โดยมีพระเอกคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ แสดงให้เห็นถึงความรักแบบ Unspoken Love ที่รักนะแต่ไม่บอก แค่แสดงออกอย่างมากมาย โดยเฉพาะฉากที่เกามุ่ยแอ๊บสตอเบอร์รี่ไปแก้แค้นนี่ได้ใจจขกท.มากค่าา.. ปรบมือให้เจ๊เติ้ง 3 รอบใหญ่!!
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดของคนทั้งคู่ก็ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ แม้เจ้าแม่ฝิ่นจะสามารถเลิกฝิ่นได้ในที่สุด แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ต้องเป็นฝ่ายยิงคนรักด้วยมือของตัวเอง! ฉากนี้เป็นฉากที่น่าสงสารมาก แม้แต่จะเข้าไปหากันในคุกก็ยังโดนดักฟัง คนมีความรักคงจะพอเข้าใจความรู้สึกที่รักเขามากเหลือเกินแต่ต้องเสแสร้งเป็นเกลียดชังเขาได้เป็นอย่างดีว่ามันเจ็บปวดรวดร้าวขนาดไหน และแม้เธอจะเสแสร้งแกล้งทำ และจงใจยิงไม่ให้โดนจุดสำคัญบนร่างกายเขา แต่ทว่าฤทธิ์ของกระสุนปืน ก็สร้างความบอบช้ำให้แก่เขาไม่น้อย จนต้องระหกระเหินหนีตายไปกบดานรักษาตัวอยู่ที่อื่นชั่วระยะหนึ่ง ซึ่งนี่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเรื่องนี้ที่ทำให้เกามุ่ยถูกส่งไปใช้แรงงานที่ค่ายกักกันจนเกือบตายด้วยไข้มาลาเรียค่ะ แต่โชคดีที่พระเอกหายเจ็บและกลับมาช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเจ๊ฝิ่นตายแน่นอนจ้า
ฉากในค่ายกักกันเป็นฉากที่ค่อนข้างจะสะเทือนใจจขกท.มากพอสมควร เพราะจากผู้หญิงสวยๆเชิดๆเป็นคุณนาย สามารถเหี่ยวแห้งและอดอยากได้ขนาดนี้ หลายครั้งที่ฝ่ายพระเอกหรือแม้แต่ Nancy เอาของมาให้กินด้วยการปาข้ามรั้วไปให้ แต่ก็ไม่เคยตกถึงท้องของเกามุ่ยเลย เพราะโดนคนอื่นในค่ายกักกันที่หิวโหยพอกันรุมแย่งกันเป็นแร้งลงไปเสียก่อน ฉากนี้เจ๊เติ้งแสดงออกทางแววตาได้ดีมากค่ะ ทั้งความรู้สึกของความหมดอาลัยตายอยาก ความสมเพชเวทนา ความอดอยาก ศักดิ์ศรีที่หายไปหมด มันแสดงให้เห็นว่าแท้ที่จริงแล้วเกามุ่ยก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆที่ซ่อนความอ่อนแอไว้ภายใต้หน้ากากงูเห่า เพราะมีแต่คนคอยจ้องทำร้ายทำลายเธอนี่แหละ เห็นได้จากคืนที่เธอรู้สึกไม่ไหวแล้ว ยังไงก็ต้องตายแน่ๆ จึงเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายถึงพระเอก แล้วพระเอกแอบเข้ามาในค่ายแล้วนั่งอ่านจดหมายนี้อยู่ข้างๆ แสดงถึงความรักที่ทั้งสองคนมีให้แก่กันได้ดีมากๆ
เรื่องนี้สนุกเข้มข้นมากค่ะ ขับเคี่ยวกันทุกตอนตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง เรียกได้ว่าพลาดไม่ได้ซักตอน โดยเฉพาะช่วงหลังๆที่ทำร้ายจิตใจคนดูตาดำๆเป็นครั้งที่สองต่อจากภาคแรก ด้วยการให้ทั้งสองต้องพรากจากกันเป็นเวลาสิบๆปี กว่าประเทศจีนจะเปิดประเทศ กว่าจะได้เจอกันอีกทีก็แก่หงัก แสดงให้เห็นว่าตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ต้องจากกัน วันเวลาไม่มีความหมายเลย เพราะต่างฝ่ายต่างคิดถึงกันและกันอยู่ตลอดเวลา
และนี่ก็คือเรื่องย่อคร่าวๆของละครเรื่องนี้เพียงเท่านั้น เพราะความสนุกและอรรถรสที่แท้จริงนั้นต้องรับชมด้วยตนเอง ไม่อาจบอกเล่ามาผ่านตัวอักษรได้ และขอชื่นชมแม่นางเติ้งชุ่ยเหวินจากใจจริง ว่าเป็นผู้มีความสามารถและทักษะทางการแสดงเป็นเลิศ ภาพของเกามุ่ยจึงปรากฏทับรอยหยูเฟยอีกครั้ง ในเรื่องของสีหน้าและอารมณ์หลากหลาย ท้าทายให้ปล่อยของได้อย่างไม่มีกั๊กจนต้องอ้าปากค้าง!!
ในด้านของความเป็นละครฮ่องกง No Regrets สามารถแสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่งภายในครอบครัว และแวดวงธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของตัวละครอื่นๆอีกกว่า 10 ชีวิตจนล้นออกมาจากจอ แต่ละเรื่องราวของแต่ละชีวิต ต่างมีความหมายและเกี่ยวพันถึงการตัดสินใจทำอะไรใดๆลงไปของพระนางทั้งสองด้วย และเนื่องจากละครเรื่องนี้มีความยาวกว่า 32 ตอน แต่อาจจะทำร้ายจิตใจของคนที่เฝ้ารอฉากเลิฟซีนของสองพระนางรุ่นใหญ่มาตั้งแต่ภาคแรกไปซักนิด เพราะจะบอกว่าเหมือนกันกับภาคแรกไม่มีผิดค่า ไม่มีอะไรเลยนอกจากมองตากัน กอดกันบ้างบางครั้ง แต่จะบอกว่าแค่มองตาเนี่ยแหละ ทำเอาคนดูที่ดูอยู่แทบจะละลายหายไปหน้าจอคอมเลย ทั้งหวานซึ้ง และเปี่ยมไปด้วยความหมาย แสดงให้เห็นว่ารักกันจริงจริ๊ง รักกันปานจะกลืนกินแล้วนะเธอ.. ช่างขาวสะอาดบริสุทธิ์และเป็นรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนจริงๆค่ะ พระเอกสุภาพบุรุษมาก ไม่เคยล่วงเกินนางเอกเลย จูบกันซักครั้งก็ไม่มี๊ไม่มี (กรี๊ดดด) แต่สำหรับคนดูอย่างเรามันจะดีมั้ยเนี่ย คือเราก็อยากเห็นอะไรจิ้นๆบ้างนะเนี่ย สำหรับคู่นี้แม้ในละครทั้ง 2 ภาคจะไม่มีอะไรให้จิ้นไปมากกว่าการมองตาก็รู้ใจ แต่นอกจอนี่.. ถ้าเฮียหลีไม่แต่งงานจนลูกโตเป็นหนุ่ม จขกท.ว่าคู่นี้เสร็จแน่ค่ะ เสียดายจริงๆ..
ส่วนฝ่ายพระเอกในภาค 2 นี้นิสัยดีกว่าภาคแรกอยู่นะคะ ภาคแรกไฉ่จิ่วจะเกรียนๆบ้าง ดูเป็นเด็กไม่รู้จักโตบ้าง แต่ภาค 2 เป็นผู้นำครอบครัว เป็นพี่ชายที่อบอุ่น และเป็นคนรักที่สามารถฝากชีวิตไว้ให้ได้ แต่ทั้งสองภาคก็ยังมีความเหมือนกันอยู่ก็คือ "ความเจียมตัว" ค่ะ ในภาคแรกไฉ่จิ่วออกจะรักและชื่นชมฮูหยิน 4 ตั้งแต่ตอนแรกๆด้วยซ้ำ เพราะฮูหยิน 4 เป็นคนเดียวที่ไม่ดูถูกเค้า เห็นความสามารถของเค้า จึงนับถือมากกว่าใครๆ ภาคแรกพระเอกค่อนข้างฉลาดแกมโกง ไม่ยอมคน นิสัยเหมือนเด็ก ฮูหยิน 4 มีความเป็นผู้ใหญ่สูง ทั้งความห้าวหาญ ความเป็นผู้นำรึก็มาก อีกทั้งยังอบอุ่นในหลายๆครั้ง สามารถกุมทุกคนได้อยู่หมัด ภาคนี้เลยได้แต่รัก ไม่อาจคิดเกินเลย ภาค 2 ก็ยังติดนิสัยเจียมตัวมาจากชาติก่อน แต่ไม่มากเท่าภาคแรก เพราะภาคนี้นางเอกโสด แต่ตัวเองมีศรีภรรยาแล้วแต่ก็หย่ากันไปเสียตั้งแต่ตอนแรกๆ เท่ากับเปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายต่างเปิดใจเข้าหากัน ภาค 2 นี้ฮูหยิน 4 ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ร้ายกว่าเก่าก็ยังฉลาดเหมือนเดิม เผลอๆฉลาดกว่าเดิม แถมโหดกว่าเดิมหลายเท่าด้วย เพราะไม่ได้ทำธุรกิจสะอาดๆแบบภาคแรก ฉลาดไม่พอ ยังเป็นคุณหนูคุณนาย เงินมี บารมีมาก พระเอกเลยรักแบบดอกฟ้ากับหมาวัด สังเกตจากบ้านพระเอกทุกคนเกรงใจนางเอกหมด จะอยู่ได้จริงๆเหรอ ไม่ต้องทำนั่นไม่ต้องทำนี่หรอก คือนางเอกในสายตาพวกเค้านี่อยู่สูงมาก แต่พอได้ลองมาอยู่ด้วยกันเลยเปลี่ยนความคิด จริงๆนางเอกสมถะมาก ลำบากก็ไม่บ่น เข้ากับคนง่าย คืือนางฟ้าในคราบนางมารเลยล่ะ บ้านพระเอกทุกคนถึงรัก โดยเฉพาะน้องฝ่าร่า รักมากและรู้งานได้ใจคนดูค่ะ ฉากที่ฝ่าร่าจะแต่งงานและต้องยกน้ำชาให้พี่ชาย เก้าอี้พี่สะใภ้ว่างอยู่ (เพราะคนก่อนเลิกกันไปแล้ว) น้องฝ่าร่าก็ไปดึงเจ๊เกามุ่ยมาแบบรู้ง๊านรู้งานสุดๆ แถมเจ๊เกาก็แต่งตัวมาซะแดงสู้เจ้าสาว จนจขกท.แอบสงสัยว่าเอ้ะ!! ตกลงนี่มันงานแต่งใครกันแน่ เจ้าแม่ฝิ่นหรือของฝ่าร่า xD

| หน้าที่เข้าชม | 616,180 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 342,421 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 5 ต.ค. 2556 |
| ร้านค้าอัพเดท | 6 ต.ค. 2568 |
BIG2DVD
